SONY CYBER-SHOT DSC - N 2 จอ LCD ใหญ่ขนาด 3.0 นิ้ว Touch screen เปลี่ยนเมนูกล้องด้วยนิ้วสัมผัส ความละเอียดสูง 10.1 Mega Pixels เลนส์ Carl Zeiss 38-114 มม ไวแสงสูง ISO 1600 MOVIE MPEG พร้อมเสียง ให้ Merory ขนาด 2 GB พร้อมกระเป๋า และ CHARGER
กล้อง SONY CYBERSHOT DSC N-2 กล้องที่จัดได้ว่ายอดนิยม จากค่าย SONY
ความละเอียด 10 ล้านพิเซล เหลือเฝือสำหรับการขยายภาพใหญ่ ๆ และด้วยลูกเล่นแบบจอสัมผัส
ใช้นิ้วแตะที่จอ เพื่อปรับเปลี่ยนเมนูการใช้งาน ขนาดจอใหญ่ 3.0 นิ้วให้มุมมองเต็มๆตา พร้อมด้วย
รายละเอียดการใช้งานคงไม่ต่าง กับตัว N 1 จะมีแตกต่างก็คงพิกเซล จาก 8 ล้านเป็น 10 ล้าน
กล้องตัว SONY N 2 ตัวนี้ สภาพสวย ใช้งานน้อย มีอุปกรณ์ ที่ชาร์ดให้พร้อม กระเป๋า
ไม่มีปัญหา ในการใช้งานแต่อยางใด มาลองการทำงานก่อนตัดสินใจซื้อได้
ลูกเล่นและการใช้งานดังนี้
DSC-N 2 ดูจะมีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างไปจากกล้องคอมแพคทั่วไปเท่าไหร่ เพราะด้านหน้าก็เป็นรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีเลนส์ซูมยื่นออกมาเหมือนกล้องดิจิตอลปกติ ขนาดก็ไม่ได้บางเฉียบอย่าง T-series แล้วก็ไม่ได้หนาอย่างกล้องสมัยก่อน แต่เมื่อมองมาทางด้านหลังจะพบความแตกต่าง
ของกล้องรุ่นนี้ได้อย่างดีที่สุด เพราะการใช้จอ LCD ขนาด 3.0 นิ้วที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกล้องคอมแพคดิจิตอลในขณะนี้ ทำให้มองภาพได้เต็มตา แต่ที่สำคัญมากกว่านั้นคือการปรับควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ไม่ได้ใช้ปุ่มกดบนตัวกล้องอีกต่อไปแล้ว แต่ใช้การสัมผัสที่หน้าจอมอนิเตอร์ได้ทันที คล้ายการปรับตั้งฟังก์ชั่นในกล้องวีดีโอแคมคอเดอร์ยังไงยังงั้น ซึ่งคุณแทบจะไม่พบปุ่มใดๆบน
ตัวกล้องเลยนอกจากปุ่มเมนู, ปุ่มดิสเพลย์ และปุ่มซูมภาพ เมื่อกดเข้าฟังก์ชั่นเมนูโหมดแล้ว สิ่งที่พบเห็นบนจอมอนิเตอร์จะทำให้คุณหลงใหลไปกับ N1 อย่างแน่นอน เพราะการปรับเข้าฟังก์ชั่นที่แปลกใหม่นี้นี่เอง นอกจากนี้ยังออกแบบด้านหลังกล้องให้เป็นสีดำล้อมรอบจอมอนิเตอร์ ให้ความรู้สึกเหมือนอุปกรณ์ดูภาพแบบพกพาที่กำลังเป็นที่นิยมขณะนี้ ซึ่งจะทำให้คุณสร้างสรรค์ภาพสไลด์โชว์ในแบบของคุณได้เอง เอาไว้อวดใครๆที่ได้พบเห็นให้อิจฉาเล่นอีกด้วย
เมื่อมองถึงฟังก์ชั่นด้านดิจิตอล ก็ไม่ได้น้อยหน้าหรือยิ่งหย่อนไปกว่ากล้องดิจิตอลรุ่นไหนๆ เพราะ N1 ใช้เซนเซอร์ภาพที่มีความละเอียดแสดงผลสูงสุดมากถึง 10.1 ล้านพิกเซล โดยใช้เซนเซอร์ภาพแบบ Super HAD CCD ขนาด 1/1.8 นิ้ว ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ภาพคุณภาพสูงที่พัฒนาโดยโซนี้ ให้ขนาด
ภาพสูงุดถึง 3264X2448 พิกเซล ทำให้คุณสามารถนำไฟล์ที่ได้ไปปริ้นท์ภาพที่มีคุณภาพดีเยี่ยมได้ถึงขนาด A3 อย่างสบายๆ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกขนาดภาพลงมาได้อีก 6 ขนาด คือ 3264X2176 (3:2), 1592X1958(5MP), 2048X1536 (3 mp), 1920X1080(HD7) 1280X960 v]t 640X480 พิกเซลตามลำดับ โดยคุณสามารถใช้ความไวแสงในการถ่ายภาพไกว้างตั้งแต่ ISO 64 ไปจนถึง ISO 800 เลยทีเดียว
หน่วยความจำภายในมีมาให้มากถึง 58 โดยใช้สำหรับการบันทึกภาพ 26 MB ส่วนอีก 26 MB ใช้สำหรับการเก็บภาพใน Photo Album และอีก 6 สำหรับลูกเล่นของเพลงบนสไลด์โชว์ ส่วนเมมโมรี่การ์ดที่ใช้เป็นแบบ Memorystick duo หรือ Memorystick ที่ให้ความจุได้มากที่สุดถึง 2 GB
ในปัจจุบัน การทำงานของกล้องสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบประมวลผลภาพ R-Imaging Processor ที่ทำให้ภาพถ่ายที่สวยงามสีสันเที่ยงตรงเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังกินไฟน้อย จะถ่ายภาพได้มากถึง 300 ภาพต่อการชาร์ตหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ในโหมดถ่ายภาพ
เคลื่อนไหว วีดีโอคลิป ยังสามารถถ่ายวีดีโอคุณภาพสูงด้วยโหมด MPEG Movie VX Fine Mode ซึ่งจะให้ขนาด 640X480 พิกเซล ที่ความเร็ว 30 เฟรม/วินาทีจนกว่าการ์ดจะเต็ม หากใช้เมมโมรี่การ์ดความเร็วขนาด 1 GB จะถ่ายได้ต่อเนื่องนาน 12 นาทีเลยทีเดียว
การออกแบบ : อย่างที่เกริ่นมาแล้วว่า DSC-N 2 ได้ออกแบบกล้องให้เป็นกล้องดิจิตอลที่ทำงานได้เหมือนอัลบั้มภาพแบบพกพา การออกแบบจึงดูเรียบง่ายทันสมัย โดยเน้นรูปแบบที่น่าสนใจอยู่ทางด้านหลังกล้องเป็นหลัก ส่วนด้านหน้านั้นก็ได้ออกแบบให้กล้องมีความเรียบง่ายเช่นกัน จะเห็นได้
จากการวางเลนส์เอาไว้ทางด้านซ้ายของตัวกล้อง แล้วปล่อยให้ด้านขวานั้นโล่งๆเรียบๆไปเลย จะมีเพียงตัวอักษรสกรีนสีเทาลงบนตัวกล้องว่า Cyber-short และตัวอักษรสลักด้วยโลหะนูน บ่งบอกว่าให้ความละเอียด 10.1 เมกกะพิกเซลอยู่บนพื้นผิวเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ N 2 หรูหรามากๆก็คือ วัสดุที่นำมา
ใช้เป็นฝาครอบตัวกล้องทางด้านหน้าทั้งหมด ทำมาจากโลหะที่มีความหนามากเป็นพิเศษ และขัดผิวให้มีลวดลาย เงางามที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อจับสัมผัสแล้วรู้สึกถึงความหรูหราน่าใช้งานมากเลยทีเดียว ส่วนทางด้านซ้ายของกล้องทำพื้นที่เป็นวงกลมขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่ด้านซ้าย
โดยออกแบบให้เป็นวงแหวนสีเงินเช่นเดียวกับตัวกล้อง ซึ่งบนวงแหวนนี้โซนี่ทำการเซาะร่องเพื่อบ่งบอกความพิเศษของเลนส์ที่ใช้ ว่าเป็นเลนส์คุณภาพสูงของ Carl Zeiss อันมีชื่อเสียงในเรื่องคุณภาพความคมชัดเป็นที่ยอมรับมานาน เลนส์ออฟติคอลซูมขนาด 3X แบบ Vario-Tessar ขนาด 7.9-23.7 มม. f/2.8-5.4 ซึ่งเทียบกับเท่าเลนส์ 38-114 มม. ในฟอร์แมต 35 มม. และมีระบบ
ดิจิตอลซูมอีก 2 เท่า เมื่อเปิดสวิทช์การทำงานกระบอกเลนส์จะยื่นออกมาทางด้านหน้าอย่างรวดเร็วและพร้อมถ่ายภาพในทันที โดยกระบอกเลนส์จะยื่นออกมาเป็น 2 ท่อนยาวประมาณ 2.4 ซม. และจะยืดหรือหดอยู่ในกระบอกเลนส์ส่วนหน้าเท่านั้นเมื่อซูมภาพเข้าและออก โดยวัสดุที่ใช้เป็นโลหะเช่นเดียวกัน
เหนือเลนส์ซูมขึ้นไปจะมีช่องหน้าต่างขนาดเล็ก เป็นแสงไฟช่วยหาโฟกัสในที่มืดสีส้มทำงานในระยะไกล โดยจะทำงานอัตโนมัติเมื่ออยู่ในสภาพแสงน้อย หรือเมื่ออยู่ในระบบหน่วงเวลาถ่ายภาพตนเองก็จะใช้เป็นสัญลักษณ์กะพริบเตือนระยะเวลาด้วย ถัดขึ้นไปเป็นแฟลชแบบ Built-in ขนาดเล็กแนว
ยาวไปตามตัวกล้องทางด้านบน ซึ่งการออกแบบให้แฟลชฝังในตัวกล้องแบบนี้จะไม่ทำให้เปลืองเนื้อที่ในการออกแบบแถมยังทำให้ตัวกล้องดูเรียบหรูได้อีกด้วย แฟลช Built-in นี้ทำงานอัตโนมัติในสภาพแสงน้อย พร้อมระบบแฟลชแก้ตาแดง, เปิด/ปิดแฟลช และสัมพันธ์กับความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ระยะทำงานจบของแฟลชอยู่ที่ 0.2-5 เมตร ที่ช่วงซูมมุมกว้าง และ 0.34-2.6 เมตรที่ช่วงซูมเทเลโฟโต้ เมื่อตั้งความไวแสงอัตโนมัติ
เมื่อมองจากด้านบนจะเห็นว่ากล้องไม่ได้บางเท่าใดนัก โดยตัวกล้องมีความหนา 24 มม. ไม่บางและไม่หนาจนเกินไป โดยออกแบบให้ปุ่มชัตเตอร์อยู่ทางด้านขวาในตำแหน่งที่ใช้นิ้วชี้มือขวากดได้สะดวก ส่วนความเร็วในการทำงานของชัตเตอร์หรือ Time lag นั้น N1 ทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยเวลาที่สั้นเพียง 9 milli seconds ซึ่งจะไม่ทำให้คุณพลาดภาพเหตุการณ์ต่างๆ ถัดมาเป็นปุ่มสวิทช์
เปิดปิดการทำงานของตัวกล้อง ใช้การกดค้างไว้ประมาณ 2 วินาทีเพื่อเปิดหรือปิดระบบการทำงาน โดยเมื่อเปิดสวิทช์จะมีสัญลักษณ์ไฟ LED สีเขียวติดสว่างขึ้นล้อมรอบปุ่มนี้ ช่วยให้มองเห็นได้ในที่มืดเมื่อต้องการปิดกล้อง ซึ่งปุ่มกดนี้อยู่ลึกลงไปจากผิวกล้องเล็กน้อยเพื่อป้องกันการกดเปิดโดยไม่ตั้งใจ ถัดมาด้านซ้ายเป็นช่องไมโครโฟนสำหรับบันทึกเสียงเมื่อถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบวีดีโอคลิป
มาทางด้านหลังตัวกล้อง จะเห็นความตากต่างจากกล้องดิจิตอลทั่วไป ด้วยการใช้วัสดุพลาสติกสีดำเงาวาววาม ซึ่งเป็นความจงใจในการออกแบบ เพราะจะช่วยในการขับภาพให้โดดเด่นขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยมเพราะไม่มีขอบของจอมอนิเตอร์มารบกวนสายตา โดยจอ LCD แบบ TFT ขนาด 3.0 นิ้วนี้
ให้ความคมชัดและสีสันในขั้นดีเยี่ยมเลยทีเดียว ความละเอียดของอยู่ที่ 230,400 พิกเซล ที่น่าประทับใจมากคือกินกำลังไฟน้อยมากอีกด้วย ตัวกล้องไม่มีช่องมองภาพแบบออฟติคอลมาให้ ผู้ใช้จึงต้องเล็งภาพจากจอ LCD แต่เพียงอย่างเดียว
ทางด้านขวาของจอ LCD มีปุ่มควบคุมการทำงานเพียง 2 ปุ่มเท่านั้น โดยมีปุ่มกดซูมภาพอยู่ทางด้านบนสุดในตำแหน่งที่กดใช้ได้สะดวก และเมื่ออยู่ในโหมด Playback จะใช้เป็นปุ่มซูมภาพและเลือกดูภาพแบบหลายภาพ (6 หรือ 12 ภาพ) ได้ด้วย ถัดลงมาเป็นสวิทช์เลือกโหมดบันทึกภาพแบบคาน
เลื่อน แบ่งเป็น 3 โหมดใหญ่คือ โหมดถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบวีดีโอคลิป, โหมดถ่ายภาพนิ่ง, และโหมดเล่นภาพ ส่วนปุ่มที่อยู่ล่างสุด 2 ปุ่ม เป็นปุ่มเมนูสำหรับปรับตั้งระบบต่างๆของตัวกล้อง และปุ่ม Display สำหรับการเลือกแสดงข้อมูลต่างๆบนจอมอนิเตอร์ เช่น การเลือกแสดงข้อมูลการถ่ายภาพ, กราฟฮิสโตแกรม หรือไม่แสดงข้อมูลใดๆ ซึ่งเมื่อเปิดสวิทช์การทำงาน ของตัวกล้องจะมีสัญลักษณ์ไฟ LED ติดสว่างอยู่ข้างๆปุ่มทั้ง 2 อย่างสวยงาม
การแสดงข้อมูลและการปรับตั้งฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆทั้งหมดของ N 2 จะอยู่ในโหมดเมนู แล้วฟังก์ชั่นในการถ่ายภาพที่ใช้งานบ่อยๆจะปรากฏขึ้นมา เริ่มจาก โหมดบันทึกภาพ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดบันทึกภาพได้อย่างหลากหลายจาก Auto, Program, แมนนวล และโหมดรูปภาพอีก 8 แบบ(โหมดถ่ายภาพกลางคืน, ถ่ายภาพบุคคลเวลากลางคืน, ถ่ายภาพใต้แสงเทียน, Soft snap
สำหรับถ่ายภาพบุคคลหรือดอกไม้ที่ต้องการความนุ่มนวล, โหมดถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ , ถ่ายภาพชายหาด, ถ่ายภาพหิมะ และโหมดถ่ายภาพพลุดอกไม้ไฟ) โดยเฉพาะในโหมดแมนนวลนั้น นับเป็นโหมดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่ในกล้องดิจิตอลแบบคอมแพคนี้ได้เลย เพราะผู้ใช้งานสามารถเลือกความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงได้เอง โดยเลือกขนาดของรูรับแสงได้ 3 ค่าจาก f/2.8, f/4 และ f/8 ส่วนความเร็วชัตเตอร์นั้น สามารถเลือกได้จาก 30 วินาที ถึง 1/1000 วินาทีเลยทีเดียว
ถัดมาในฟังก์ชั่นเมนูเป็นโหมดชดเชยแสง ที่สามารถชดเชยได้ 2 สตอป, โหมดโฟกัส ซึ่งเลือกการโฟกัสได้ 4 รูปแบบ คือ แบบหลายจุดกระจายทั่วทั้งภาพ, แบบเฉพาะกลางภาพ, โดยเน้นพื้นที่บริเวณกลางภาพเป็นหลัก, แบบเฉพาะจุด ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกจุดโฟกัสที่ต้องการได้เองด้วยการจิ้มบนจอ LCD ภายในกรอบที่แสดงอยู่ และสุดท้ายคือแบบเลือกระยะโฟกัสที่ต้องการได้ล่วงหน้าจา
อินฟินิตี้, 7.0, 3.0 1.0 และ0.5 เมตร ถัดมาเป็นการเลือกโหมดแฟลช ที่มีให้เลือกทั้งแบบอัตโนมัติ, เปิด/ปิดแฟลช และสัมพันธ์กับความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ถัดมาเป็นระบบหน่วงเวลาถ่ายภาพ, โหมดเปิดปิดระบบถ่ายภาพมาโคร และเลือกขนาดภาพที่ต้องการ ซึ่งหากต้องการเข้าสู่การปรับตั้งที่มากกว่านี้ ต้องกดปุ่ม MENU ที่ปรากฏบนหน้าจอมอนิเตอร์อีกครั้งหนึ่ง
โดยการเข้าสู่ฟังก์ชั่นต่อไปนี้ จะเป็นฟังก์ชั่นที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยนั่นเอง เริ่มจากเลือกระบบวัดแสง (เฉลี่ยหลายส่วน/เฉลี่ยกลางภาพ/เฉพาะจุด) ระบบไวท์บาลานส์(อัตโนมัติ, แสงอาทิตย์, มีเมฆมาก, ฟลูออเรสเซนต์, แสงทังสเตน และแสงแฟลช) ตั้งความไวแสง (เลือกความไวแสงได้จากอัตโนมัติ และเลือกเองจาก ISO 64-800) เลือกระดับคุณภาพ (ได้ 2 แบบคือ Fine และ
Standard) ระบบเลื่อนภาพ(มีให้เลือก 4 แบบ คือแบบทีละภาพ, ต่อเนื่อง 0.9 เฟรม/วินาที, ถ่ายภาพคร่อม,และต่อเนื่องความเร็วสูง 16 ภาพ) ต่อมาเป็นโฟโต้เอฟเฟ็ค (เลือกภาพแบบปกติ, ขาวดำ และซีเปีย) ถัดมาเลือกปรับตั้งความอิ่มตัวของสี, คอนทราสต์ และความคมชัดของภาพ สุดท้ายเป็น Set-up Menu ที่ใช้ปรับตั้งระบบการทำงานของตัวกล้อง
ในเซ็ทอัพเมนูนี้ แบ่งการปรับตั้งเป็น 8 ส่วนใหญ่ๆด้วยกัน เริ่มจาก Camera 1> ใช้ปรับตั้งระบบออโต้โฟกัสภาพแบบทีละภาพหรือต่อเนื่อง, เปิดปิดดิจิตอลซูม, บันทึกวันที่และเวลาลงบนภาพ, เปิดปิดระบบแฟลชแก้ตาแดง ต่อมาเป็น Camera 2> ใช้เปิดปิดแสงไฟช่วยหาโฟกัส และโหมดออโต้
รีวิวภาพเมื่อกดชัตเตอร์ ต่อมาเป็น Memory Stick> ใช้สำหรับจัดการข้อมูลบนเมมโมรี่การ์ด เช่น ฟอร์แมตการ์ด, เลือกหรือสร้างโฟลเดอร์ที่จะบันทึก และก็อปปี้ภาพจากอัลบั้มภาพ หรือจากหน่วยความจำภายในสู่เมมโมรี่การ์ด ถัดมาเป็น Album> ใช้จัดการไฟล์ในอัลบั้มภาพ เช่น เปิดปิดการบันทึกภาพลงอัลบั้มอัตโนมัติ, ฟอร์แมตอัลบั้ม และเช็คอัลบั้มภาพ
ต่อมาเป็น Set-up 1> ใช้สำหรับดาวน์โหลดเพลงลงสู่ตัวกล้องและฟอร์แมตเพลงเพื่อลบข้อมูลทุกอย่างออก ต่อมา Set-up 2> เปิดปิด LCD Backlight สำหรับเพิ่มความสว่างหน้าจอเมื่อต้องดูภาพกลางแจ้ง, เปิดปิดเสียงปุ่มกดหรือเสียงกดชัตเตอร์, เลือกภาษา และ Initialize สำหรับรีเซ
ทการปรับตั้งให้กลับสู่ค่าปกติจากโรงงาน Set-up 3> ตั้งนับจำนวนภาพแบบต่อเนื่องหรือรีเซททุกครั้ง, ตั้งค่าการเชื่อมต่อ USB, โหมดวีดีโอเอาท์ และตั้งเวลาวันที่ สุดท้าย Set-up 4> เป็นการตั้งค่าคาริเบรตกล้องและตั้งค่าการใช้เฮ้าซิ่งสำหรับถ่ายภาพใต้น้ำ โดยการปรับตั้งทั้งหมดใช้การกดเลือก
แบบสัมผัสที่หน้าจอ ด้วยตัวเขียนที่แถมมาให้ ซึ่งจะไม่เป็นการสร้างริ้วรอยหรือคราบมันต่างๆให้กับหน้าจอ แต่ถ้าหากมีความจำเป็นก็สามารถใช้นิ้วกดเลือกได้ทันทีเช่นกัน แต่ต้องระวังส่วนที่มีคมอย่างเช่นเล็บ ที่อาจจะทำให้หน้าจอเป็นรอยได้
ส่วนในโหมดเล่นดูภาพ (Playback) เมื่อกดเข้าเมนะสามารถปรับตั้งฟังก์ชั่นได้ดังนี้ เริ่มจากการจัดการอัลบั้มภาพ โดยภาพที่ถ่ายจะถูกบันทึกเอาไว้ในอัลบั้มด้วย ผู้ใช้สามารถเลือกดูภาพแบบเลือกจากวันที่ถ่ายได้ทันที หรือเลือกเล่นสไลด์โชว์ตามวันที่ที่ถ่ายภาพก็ได้ ต่อมาเป็นการตั้งค่า
สไลด์โชว์ ที่ผู้ใช้สามารถตั้งเอฟเฟ็คของการเลื่อนภาพได้มากถึง 5 รูปแบบ ตามแต่การพรีเซนต์ภาพที่ต้องการ รวมถึงเลือกเพลงที่บรรจุเอาไว้ได้ถุง 4 แบบ หรือปิดเพลงไปเลยก็ได้ สุดท้ายคือการเลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการให้เล่นภาพสไลด์โชว์ นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งภาพได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งเขียนตัวอักษรหรือข้อความลงบนรูปภาพได้ทันทีอีกด้วย รวมถึงการลดขนาดภาพ, หมุนภาพ, ตัดภาพหรือสั่งพริ้นภาพก็ทำได้เช่นเดียวกัน
ด้านขวาของกล้องเป็นฝาปิดช่องบรรจุแบตเตอรี่แบบลิเธี่ยม ซึ่งไม่ได้เป็นแบบอินโฟลิเธี่ยมเหมือนกล้องในตระกูล T-series แต่แบตเตอรี่ลิเธียมที่ใช้ใน N 2 ก็ให้กำลังไฟได้ยาวนานเช่นเดียวกัน โดยจะถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากถึง 300 ภาพต่อการชาร์ตไฟเต็มหนึ่งครั้ง หรือเปิดดูภาพและสไลด์โชว์ได้ยาวนานถึง 290 นาทีเลยทีเดียว ภายในช่องเดียวกันเป็นช่องบรรจุเมมโมรี่การ์ดแบบ
Memorystick Duo ที่เพิ่มความจุได้มากที่สุดถึง 4 GB ด้านขวาของตัวกล้องมีช่องลำโพงสำหรับเปิดฟังเสียงเมื่อเล่นภาพแบบสไลด์โชว์พร้อมเสียงเพลง รวมทั้งโหมดวีดีโอคริปด้วย ด้านล่างของกล้องมีช่องเชื่อมต่อแบบ Multi Function โดยสามารถเชื่อต่อได้ทั้งคอมพิวเตอร์, ชาร์จพลังลานแบตเตอรี่ และ A/V Out ได้ในช่องเดียวกัน ถัดมาเป็นสกรูสำหรับติดตั้งบนขาตั้งกล้อง
ผลการใช้งาน : เมื่อได้เห็นภาพตัวกล้องครั้งแรกจากอินเตอร์เนตก็ต้องแปลกใจกับรูปแบบทางด้สนหลังตัวกล้องเป็นอย่างมาก เนื่องจากออกแบบได้คล้ายกับอุปกรณ์สำหรับดูภาพยี่ห้องหนึ่งเป็นอย่างมาก และที่น่าสนใจขึ้นอีกก็คือ การปรับควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ ซึ่งอาจไม่
ใช่เรื่องแปลกของกล้องวีดีโอแคมคอเดอร์ แต่กับกล้องคอมแพคดิจิตอลนี่สิครับถือเป็นเรื่องใหม่เอามากๆ รูปร่างหน้าตาทางด้านหน้าอาจดูไม่แตกต่างจากกล้องทั่วไปซักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่น่าประทับใจมากสำหรับ DSC-N 2 ก็คือวัสดุที่นำมาใช้เป็นโลหะแทบทั้งนั้น ดูสวยงามและให้ความแข็งแรงดี
เยี่ยม รวมทั้งฝาครอบด้านหลังเกือบทั้งหมด ถึงแม้วัสดุบริเวณตรงกลางของตัวกล้องจะเป็นพลาสติกบ้างก็แทบจะมองไม่เห็นหากไม่สังเกต ส่วนด้านหลังของกล้องทั้งหมดถูกครอบลงไปด้วยพลาสติกมันวาวสีดำ ซึ่งทำให้ไม่รำคาญสายตาเมื่อต้องดูภาพเป็นเวลานานผ่านสไลด์โชว์ นับเป็นการออกแบบที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นหลัก การเก็บงานการผลิตอยู่ในขั้นดีเยี่ยมตามมาตรฐานของโซนี่
โดยรวมแล้วด้านรูปร่างภายนอกนั้นสวยงามและน่าใช้งานเป็นอย่างมาก การจับถืออาจจะลื่นไปนิดเพราะด้านหน้าเป็นโลหะเรียบทั้งหมด ไม่มีส่วนใดเว้าหรือโค้งให้ได้จับได้เลย ซึ่งผู้ใช้ต้องให้ระมัดระวังในการจับถือถ่ายภาพเป็นพิเศษ ถ้าจะให้ดีควารมีสายคล้องมือเอาไว้ตลอดเวลาครับ
การตอบสนองระบบการทำงานต่างๆ ทำได้อย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก แม้ว่าในรุ่นนี้โซนี่จะใช้กระบอกเลนส์ที่ยื่นออกมานอกกล้องเป็น 2 ชั้น แต่เมื่อกดปุ่มเปิดสวิทช์ กระบอกเลนซ์จะยื่นออกมาอย่างรวดเร็ว และพร้องที่จะถ่ายภาพทันทีด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ต้องมาสตาร์ทอัพให้เสียเวลา ระบบ
ชัตเตอร์มีช่วงเวลา Time lag ที่มีเพียง 9 Milliseconds เท่านั้น นับว่ารวดเร็วมากๆเมื่อเทียบกับกล้องคอมแพคดิจิตอลทั่วไป ส่วนการบันทึกภาพก็สามารถทำได้รวดเร็วเช่นเดียวกัน โดยในระบบถ่ายภาพต่อเนื่อง 0.9 เฟรม/วินาทีนี้ เมื่อชัตเตอร์ค้างเอาไว้จะถ่ายภาพได้ติดต่อกัน 4 ภาพ และรออีกประมาณ 6 วินาทีจึงถ่ายภาพต่อไปได้ (ทดสอบกับการ์ด Memorystick Proขนาด 1 GB) ส่วน
การพรีวิวภาพนั้นสามารถทำได้ทันทีและแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งซูมขยายภาพก็ทำได้ทันทีอีกด้วย การแสดงภาพผ่านจอ LCD ขนาด 3 นิ้วนั้นให้ภาพใหญ่ได้เต็มตาดีมากๆ โดยปกติผมเคยชินกับจอมอนิเตอร์ขนาด2.5 นิ้วที่ใหญ่อยู่แล้ว แต่เมื่อมองภาพผ่านจอขนาด 3 นิ้วนี้แล้ว กลับรู้สึกว่า
มองเห็นภาพได้ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าเลยทีเดียว ความคมชัดของจอรุ่นนี้ทำได้ดีเยี่ยม ภาพมีความสดใสเป็นอย่างมาก โดยรวมแล้วในด้านการดูภาพจากจอมอนิเตอร์ของ N 2 นี้ทำได้ดีเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย และอีกฟังก์ชั่นหนึ่งของการดูภาพที่น่าสนใจคือ การเลื่อนภาพแบบการใช้นิ้วสัมผัส เมื่อ
อยู่ในโหมด Playback ให้กดปุ่มเมนู (สัญลักษณ์นิ้วชี้บนตัวกล้อง) จะปรากฏแถบสีดำพร้อมคำสั่ง Back และ Next เพียงแค่วางนิ้วบนแถบคำสั่งเท่านั้น ภาพจะเลื่อนไปเรื่อยๆและหยุดทันทีที่ยกนิ้วออก ซึ่งหากต้องการดูภาพใหญ่ๆแบบสบายตา แนะนำให้ปิดการแสดงข้อมูลบนจอมอนิเตอร์จะดูภาพได้อย่างสะใจเลยทีเดียว
นอกจากนี้ฟังก์ชั่นสำหรับดูภาพแบบสไลด์โชว์ ยังมีลูกเล่นในการใช้งานได้อย่างสนุกสนานมากๆ โดยมีรูปแบบการเลื่อนภาพให้เลือกใช้งานได้ถึง 4 แบบ ทั้งแบบปกติที่เลื่อนแบบทีละภาพช็อตต่อช็อต หรือเลื่อนแบบภาพขาวดำ และแบบอื่นๆที่มีลูกเล่นแพรวพราว รวมถึงใส่เพลงที่ต้องการได้โดยดาวน์โหลดจากคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำให้คุณสร้างสไลด์โชว์ส่วนตัวเพื่อนำไปอวดเพื่อนๆได้อย่างง่ายดาย นับเป็นฟังก์ชั่นที่น่าประทับใจมากๆฟังก์ชั่นหนึ่งเลยทีเดียว
มาพูดถึงคุณภาพของภาพถ่ายกันบ้าง ภาพที่จาก DSC-N 2 นี้ให้คุณภาพออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ที่ความไวแสงต่ำสุด ISO 64 หรือ ISO 100 กับสภาพแสงแดดจัด รวมไปถึงสภาพแสงในที่ร่มหรือในอาคารที่มีแสงสว่างมากๆ ภาพที่ได้มีสีสันสดใสจัดจ้าน ความคมชัดดีเยี่ยมน่าประทับใจ โดยคุณภาพที่ได้สามารถนำไปอัดขยายเป็นภาพขนาด A3 หรือ 16X20 นิ้วได้อย่างสบายๆ (เมื่อถ่ายที่คุณภาพ
สูงสุด 8 MP/Fine) ส่วนที่ ISO 200 จะเริ่มประกฎ Noise ให้เห็นบ้างในการถ่ายภาพแบบปกติ คุณภาพที่ได้ยังคงคุณภาพดีอยู่ ที่ ISO 400 จะปรากฏ Noise ให้เห็นชัดเจนทั้งในสภาพแสงปกติและในสภาพแสงน้อย แต่ก็ยังได้คุณภาพที่ยอมรับได้อู่ ส่วนที่ ISO 800 นั้น Noise มีชัดเจนและ
มากพอสมควรในทุกๆส่วนของภาพ ความคมชัดลดลงไปพอสมควรกับสภาพแสงปกติ ส่วนในสภาพแสงน้อยนั้นความคมชัดและสีสันลดลงไปมากเลยทีเดียว ซึ่งแนะนำให้ใช้ความไวแสงสูงสุดนี้ในสถานการณ์ที่จำเป็นเท่านั้น
คุณภาพของเลนส์ออฟติคอลซูมคาร์ลไซซ์รุ่นนี้ ให้ผลใกล้เคียงกับผลที่ได้จากเลนส์ที่ใช้ในตระกูล T-series เป็นอย่างมาก เพียงแต่กระบอกเลนส์จะยื่นออกมาข้างนอกไม่ได้ยืดหดอยู่ในตัว ถึงแม้จะมีทางยาวโฟกัสใกล้เคียงกันก็ตาม ภาพที่ได้จากเลนส์รุ่นนี้มีความคมชัดดีมาก สีสันสดใสและจัด
จ้าน กับสภาพแสงแดดจัดคุณภาพตรงกลางภาพทำได้โดดเด่นเลยทีเดียว ส่วนที่ขอบภาพมีคุณภาพลดลงเล็กน้อย ดิสเทอร์ชั่นของเลนส์เป็นแบบโค้งออกแต่ก็ไม่มากนัก อยู่ในขั้นมาตรฐาน
ความแม่นยำของระบบไวท์บาลานส์ จากการถ่ายภาพในสภาพแสงทั่วไปโดยตั้งแบบอัตโนมัติ สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ สีสันเที่ยงตรงเป็นอย่างมากเหมือนที่ตาเห็น และให้ผลดีกับทุกๆสภาพแสง นับเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของกล้องโซนี่เลยทีเดียว ส่วนในสภาพแสงทังสเตน ภาพที่ได้ให้สีอมส้มแทบทุกภาพ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะให้อารมณ์เหมือนการถ่ายภาพด้วยฟิล์มนั่นเอง หากต้องการได้ค่าแสงที่ถูกต้อง แนะนำให้ปรับตั้งเองแบบแมนนวลไปที่ Incandescent
ระบบการทำงานอื่นๆของ N 2 ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม ทั้งการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ทำได้อย่างรวดเร็ว หรือฟังก์ชั่นการทำงานบางอย่างที่ไม่น่าจะมีในกล้องแบบคอมแพค เช่น ระบบถ่ายภาพแบบแมนนวล ที่ผู้ใช้งานสามารถเลือกความเร็วชัตเตอร์และรูรับแสงได้เอง เพราะในการถ่ายภาพบางสถานการณ์อย่างการถ่ายภาพในสตูดิโอ ก็สามารถถ่ายภาพโดการซิงค์แฟลชกับแฟลชสตูดิโอได้ทันที
ความคิดเห็น : Cyber-shot DSC-N 2 นับเป็นการเปิดรูปแบบการทำงานของกล้องดิจิตองให้กว้างมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเอาฟังก์ชั่นของการดูภาพและเล่นภาพแบบสไลด์โชว์ผ่านจอมอนิเตอร LCD ขนาด 3 นิ้ว มาเป็นจุดเด่นในการทำงานของตัวกล้อง นอกเหนือจากการถ่ายภาพปกติได้อย่างลงตัว
รวมถึงการปรับควบคุมตัวกล้องด้วยระบบสัมผัส ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานได้สนุกกับรูปแบบใหม่ๆ
ของกล้องดิจิตอล ซึ่งแรกๆอาจจะรู้สึกงงกับการปรับตั้งที่ดูว่าซับซ้อน แต่เมื่อใช้งานไปนานๆจะเริ่มรู้สึกได้ถึงความสะดวกในการใช้งาน และมีลูกเล่นที่น่าสนใจอีกมากมายจนคุณแทบวางไม่ลงเลยทีเดียว
ราคา: | 4,200 บาท | ต้องการ: | ขาย | ||
ติดต่อ: | บรรพจน์ | อีเมล์: | |||
สภาพ: | มือสอง | จังหวัด: | |||
โทรศัพย์: | 0849197193 | IP Address: | 124.120.221.xx | ||
มือถือ: | - | ||||