ผลิตจากไคโตซานบริสุทธิ์ ปลอดสารพิษ 100 % ใช้ง่าย ไร้สารตกค้าง ไคโตซาน (0.5L)

ผลิตจากไคโตซานบริสุทธิ์ ปลอดสารพิษ 100 % ใช้ง่าย ไร้สารตกค้าง ไคโตซาน ช่วยให้พืชแข็งแรง เพิ่มความต้านทานโรคให้กับพืช ปรับสภาพดิน เพิ่มผลผลิตผลิตจากวัสดุธรรมชาติ จากเปลือกกุ้ง ไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อคน พืช และสัตว์ สัมผัสได้โดยตรงไม่เป็นอันตราย ผลิตภายใต้ทีมวิจัยและผู้เชี่ยวชาญ บริษัท มารีน ไบโอ รีซอสเซส จำกัด บริษัทของเราจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะนำเปลือกกุ้ง มาใช้ในการผลิตสารโพลิเมอร์ชีวภาพ ที่รู้จักกันในนาม ไคติน ไคโตซาน ซึ่งในปัจจุบันสารโพลิเมอร์ชีวภาพเหล่านี้ได้มีการนำไปใช้อย่างกว้างขวาง ทั้งในภาคอุตสาหกรรม และ เกษตรกรรม อาทิเช่น การผลิตกระดาษ การบำบัดน้ำเสีย อุตสาหกรรมสิ่งทอ และใช้เป็นสารบำรุงสำหรับพืชและสัตว์ เป็นต้น ด้วยคุณสมบัติที่ไม่เป็นพิษต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม ทำให้มีการนำมาใช้ในทางการแพทย์ ทั้งในรูปของยา อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ และวัสดุที่ใช้ในการแพทย์เป็นต้น รวมถึงยังมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องถึงคุณประโยชน์และการนำไปใช้จาก ทีมนักวิจัยชาวไทยและชาวต่างชาติ ในด้านกระบวนการผลิต เรามีการปรับปรุงเทคโนโลยีในการผลิตให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการตรวจวิเคราะห์คุณภาพของสินค้าให้ได้ตรงตามมาตราฐานและความต้องการ ของลูกค้า ทำให้คุณสามารถเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ภายใต้ตราสินค้า MBR ได้อย่างมั่นใจ ในปัจจุบันเรามีกลุ่มลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้นำผลิตภัณฑ์ของเราไปผลิตเป็นยาและอาหารเสริมจำหน่ายไปทั่วโลก เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการนำวัตถุดิบที่ได้มาจากอุตสาหกรรมแปร รูปอาหารทะเลแช่แข็ง มาผลิตจนได้เป็นสารโพลิเมอร์ชีวภาพ ไคติน ไคโตซาน ซึ่งสามารถนำกลับมาทำเพื่อให้เกิดประโยชน์และสร้างมูลค่าให้กับสินค้า โกรแอคทีฟ ไคโตซาน ไคโตซาน ช่วยให้พืชแข็งแรง เพิ่มความต้านทานโรคให้กับพืช ปรับสภาพดิน เพิ่มผลผลิต ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ จากเปลือกกุ้ง ไม่มีสารพิษตกค้าง ปลอดภัยต่อคน พืช และสัตว์ สัมผัสได้โดยตรงไม่เป็นอันตราย   คุณประโยชน์ 1. ช่วยปรับสภาพดินให้เหมาะกับการเพาะปลูก เสริมสร้างราก ควบคุมการปล่อยแร่ธาตุและสารอาหารให้พืช 2. เคลือบเมล็ดพืชเพื่อเพิ่มอัตราการงอกของเมล็ด และตรึงไนโตรเจนเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า (ผลผลิตเพิ่มขึ้น 20-30%) ป้องกันแมลง เชื้อรา โรครากเน่า และศัตรูพืชอื่นๆจากการทำลายเมล็ดพันธุ์ 3. กระตุ้นการเจริญเติบโต เพิ่มปริมาณช่อดอกและขนาด 4. เพิ่มความแข็งแรงและต้านทานโรคพืช รวมทั้งลดความรุนแรงของโรค ช่วยป้องกันและยับยั้งโรคพืช เช่น โรคเชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย และโรคแมลง เป็นต้น โดยจะไปเคลือบลำต้นและใบพืชทำให้แมลงศัตรูพืชหนีไป และเชื้อรา ไวรัส และแบคทีเรีย ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ 5. ช่วยยืดอายุหลังการเก็บเกี่ยวของผลผลิตทางการเกษตร เมื่อไปพ่นบนผิวผักและผลไม้ จะเกิดเป็นฟิล์ม บาง ใส ปราศจากสีและกลิ่น ช่วยลดอัตราการหายใจ ลดการผลิตก๊าซ เอธิลิน ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงสีและเน่าช้าลง และลดการรบกวนของแมลงและเชื้อรา 6. ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน และลดจุลินทรีย์ที่ให้โทษกับพืช ซึ่งจะเป็นผล ดีต่อพืชในด้านการกระตุ้น การผลิตวิตามิน ฮอร์โมน กรดอินทรีย์ และสารปฏิชีวนะ ซึ่งจะช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ 7. ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ลง เนื่องจากพืชสามารถดูดซึมปุ๋ยที่มีอยู่ในดิน อยู่แล้วได้ดีขึ้น ทำให้ประหยัดต้นทุนการใช้ปุ๋ย และลดปัญหาของสภาพดินเสื่อมโทรมที่ เกิดจากการใช้งานปุ๋ยเคมี 8. ปรับสภาพดินโดยเพิ่มความพรุนของดิน การดูดซับน้ำ การอุ้มน้ำ เป็นต้น ฯลฯ ทำให้ ดินร่วนซุยเป็นคีเลต (Chelating Agents) มีประโยชน์ในการนำธาตุอาหาร เข้าสู่ส่วนต่างๆ ของพืชได้ดีขึ้น และช่วยปรับสภาพความเป็นกรดของดินให้ลดลง 9. ไคโตซานเป็นสารธรรมชาติ 100% ไม่มีพิษสะสมต่อพืช, สัตว์ และคน ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เหมาะสำหรับพืชที่ต้องการส่งออกที่เน้นด้านอาหารปลอดภัย   วิธีใช้ โกรแอคทีฟ ไคโตซาน เคลือบเมล็ดพืชเพื่อเพิ่มอัตราการงอก พืชผักทุกชนิด พืชไร่ ไม้ดอก ไม้ประดับ : นำเมล็ดพันธุ์แช่ในน้ำผสม โกรแอคทีฟ ไคโตซาน เป็นระยะเวลา 12-24 ชั่วโมง แล้วจึงนำไปหว่านเพาะปลูก (อัตราส่วน 20 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร)   วิธีการใช้ฉีดพ่น พืชผักทุกชนิด พืชไร่ ไม้ดอก ไม้ประดับ : หลังหว่านเมล็ดพันธุ์ 7 วัน ใช้ โกรแอคทีฟ ไคโตซานที่ผสมแล้วฉีดพ่นให้ทั่วทุก 7-10 วัน จนถึงระยะเก็บเกี่ยว (อัตราส่วน 20 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร) ไม้ผล : หลังตัดแต่งกิ่งใช้ โกรแอคทีฟ ไคโตซานที่ผสมแล้วฉีดพ่นให้ทั่วทุก 7-10 วัน (อัตราส่วน 30 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร) นาข้าว : ครั้งที่ 1 ฉีดพ่นพร้อมยาคุมหญ้า               ครั้งที่ 2 ฉีดพ่นเมื่อข้าวอายุ 1 เดือน               ครั้งที่ 3 ฉีดพ่นเมื่อข้าวอายุ 2 เดือน               ครั้งที่ 4 ฉีดพ่นเมื่อข้าวเริ่มออกรวง (อัตราส่วน 40 ซีซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร)   วิธีการใช้แยกตามประเภท 1. สำหรับพืชที่เป็นโรค (ใช้ผสมกับไคโตซานสำหรับฉีดพ่นทางใบ)            - ผสมไคโตซาน 100 – 150 ซีซี + ยาเคมีที่ใช้อยู่ประจำ + น้ำ 20 ลิตร ฉีดให้ทั่ว และฉีดซ้ำทุกครั้งที่ต้องการให้ยา 2. สำหรับคลุกปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์เพื่อหว่าน            - ผสมไคโตซาน 500 ซีซี + น้ำ 1 ลิตร + ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์ 100 กิโลกรัม คลุกเคล้า ให้เข้ากัน ผึ่งให้หมาดๆ เพื่อให้ไคโตซาน เคลือบเมล็ดปุ๋ยไว้ จะได้ยืดอายุปุ๋ยให้สลายตัว ช้าลง พืชกินปุ๋ยได้นานขึ้น แล้วนำไปหว่านให้ทั่ว 3. เพื่อช่วยเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์            - ผสมไคโตซาน 1 ลิตร ต่อน้ำ 10 ลิตร ชุบเคลือบให้ทั่วเมล็ด แล้วปล่อยให้แห้งสนิท ช่วยป้องกันเมล็ดพันธุ์จากแมลงและเชื้อรา 4. เพื่อปรับปรุงสภาพดิน            - ใช้ไคโตซาน 500 ซีซี ผสมน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นหน้าดินให้ทั่วในพื้นที่ 1 ไร่            - กรณีดินเสียมาก หรือมีค่า PH ต่ำกว่า 4.5 ให้ไถกลบหน้าดินก่อนแล้วใช้ไคโตซาน 2 ลิตร + น้ำ 200 ลิตร ราดบนหน้าดิน ต่อพื้นที่ 1 ไร่ เพื่อเพิ่มแร่ธาตุอาหารให้ดินและเพิ่ม จุลินทรีย์ในดิน   วิธีใช้ไคโตซานกับยางพารา 1. สำหรับยางเล็กสูงไม่เกิน 2 เมตร            - ไคโตซาน 20 ซีซี + น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นใบและลำต้นทุก 10 -15 วัน 2. ใช้ร่วมกับปุ๋ย โดยการคลุกกับปุ๋ย            - โดยใช้ไคโตซาน 300 ซีซี + น้ำ 1 ลิตร + ปุ๋ย 50 กก. คลุกเคล้าให้เข้ากันผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปหว่านหรือหยอด (ปุ๋ยเคยใส่เท่าใดให้ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งได้เลย หรือใส่ตามปกติก็ได้) 3. การใช้ในยางต้นใหญ่ที่โตแล้ว โดยให้ฉีดพ่นทางใบ - ลำต้น - โคนต้น            - ผสมไคโตซาน 20-40 ซีซี + น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นใบ ลำต้นและโคนต้นทุก 15-20 วัน ใช้สารเคมีร่วมได้แต่ต้องเอาสารเคมีใส่ลงทีหลัง โดยให้ผสมไคโตซานลงไปก่อนเสมอ ให้พ่นห่างโคนต้นประมาณ 50 เซนติเมตรโดยรอบ 4. กรณีพักการกรีดยาง ให้ใช้ไคโตซานไม่ต้องผสมน้ำทาบริเวณที่รอยกรีด เพื่อป้องกันเชื้อรา 5. รักษาโรคหน้ายางตายนึ่ง หรือโรคเปลือกแข็ง            - ใช้แปรงจุ่มโดยไม่ต้องผสมน้ำ ทาให้ทั่วบริเวณหน้ายางที่ตายหรือเปลือกแตก ทุกๆ 15 วันติดต่อกันประมาณ 2-3 เดือน หรือหากเกษตรใช้ปูนแดงอยู่แล้ว สามารถผสมกับปูนแดงเพื่อทาได้ จะทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาหน้ายางตายนึ่งดียิ่งขึ้น 6. การเพิ่มปริมาณน้ำยาง            - ใช้แปรงจุ่มโดยไม่ต้องผสมน้ำ ทาให้ทั่วบริเวณรอยแผลที่กรีดยาง ทุกๆ 15 วันติดต่อกัน หรือประมาณ 2-3 เดือน   สรุปคุณประโยชน์ - จะทำให้ยางโตเร็ว น้ำยางมากและมีคุณภาพ - ลดการใช้ปุ๋ยเคมีลง 50% ทำให้ประหยัดต้นทุน - ปรับสภาพดินให้ดีขึ้น - ป้องกันเชื้อราได้ดี - หน้ายางจะนิ่มและกรีดง่าย