เพิ่มความสูงได้ในเด็ก แคลเซียมเม็ด เสริมสร้างความแข็งแรงให้กันมวลกระดูก

เพิ่มความสูงได้ในเด็ก แคลเซียมเม็ด เสริมสร้างความแข็งแรงให้กันมวลกระดูก คีเลต โปร แคล http://www.thaicellfood.com/cellfood/Adoxy-Cell-Food/file/file.html   แคลเซียมคุณภาพสูง เพิ่มความสูง& เสริมกระดูก                        แคลเซียม อะมิโน แอซิด คีเลต พลัส ไบโอฟลาโวนอยด์ นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่พัฒนาสูตรเพื่อให้ร่างกายดูดซึม ได้มากกว่าแคลเซียมทั่วไปพร้อมเสริมกรดอะมิโน และไบโอฟลาโวนอยด์เป็นแคลเซียมที่ไม่ได้อยู่ในรูป เกลือแคลเซียม อะมิโน แอซิด คีเลต 500 มก. จึงให้แคลเซียมสูงสุด 500 มก. ไม่มีการสูญเสียแคลเซียม (เกลือแคลเซียมคาร์บอร์เนตให้ธาตุแคลเซียมสูงสุด 40% ดังนั้นแคลเซียมคาร์บอเนต 1,000 มก. จะให้ธาตุแคลเซียมสูงสุด  400 มก.)   แคลเซียม             เพิ่มความหนาแน่นให้กระดูก แหล่งสะสม แคลเซียมในร่างกายอยู่ที่กระดูก   และฟันช่วยให้ กระดูกยืดตัวจึงช่วยเพิ่มความสูงป้องกันภาวะกระดูกพรุน   กรดอะมิโน ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื้อต่างๆที่สึกหรอในร่างกายคนจะมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบ 1 ใน 7 ของน้ำหนักตัว ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตโดยร่างกายนำเอาโปรตีน ไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่เสริมสร้างภูมิต้านทาน (Antibody) ให้กับร่างกาย และทำลายพิษต่างๆ ในร่างกาย   ไบโอฟลาโนอย์ด์   เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ พร้อมให้วิตตามินซีสูง ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมเข้ากระดูกและฟัน   เราสามารถรับประทานแคลเซียมได้ตั้งแต่ที่ร่างกายยังสะสมแคลเซียมได้อยู่โดยแคลเซียมส่วนใหญ่จะมีอยู่ในอาหาร เช่น น้ำนม เต้าหู้ ผักใบเขียว ปลา และ สัตว์น้ำอื่น ๆ ที่รับประทานได้ทั้งกระดูก เช่น ปลาซิว กุ้งฝอย กะปิ ฯลฯ อย่างไรก็ตามการรับประทาน แคลเซียมจากอาหารเพียง อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายเนื่องจากเมื่อร่างกายได้รับแคลเซียมจากอาหารก็ถูกกรดในกระเพาะทำให้แคลเซียมแตกตัวได้ดีขึ้น และถูกดูดซึมได้ง่านขึ้น จากบริเวณลำไส้ส่วนต้น ซึ่ง ปรกติ แล้วร่างกายจะดูดซึม แคลเซียมได้เพียงร้อยละ 20-40 เท่านั้น     การเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก                 การบริโภคแคลเซียมให้เพียงพอในทุกช่วงวัยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง  และสามารถปฏิบัติได้อย่างง่ายโดยการดื่มนมและบริโภคอาหารไทยที่มีแคลเซียมปานกลางและสูงทุกวัน  การบริโภคแคลเซียมจากอาหารนอกจากจะได้รับแคลเซียมแล้ว  ยังได้รับสารอาหารอื่นๆ  ที่มีความจำเป็นสำหรับกระดูกอีกด้วย  และถ้าได้รับแคลเซียมเพียงพอร่วมกับการได้รับแสงแดดและการออกกำลังกายเป็นประจำ  รวมถึงการหลีกเลี่ยงสารเสพติดจะช่วยเสริมสร้างร่างกายและกระดูกให้มีสุขภาพดียิ่งขึ้น   แหล่งอาหารแคลเซียม                 นมและผลิตภัณฑ์นม  เป็นแหล่งของแคลเซียมที่ดีเนื่องจากนมมีปริมาณแคลเซียมสูง  และร่างกายนำไปใช้ได้มาก  เด็กและวัยรุ่นควรดื่มนมวันละ  2 – 3  แก้ว ส่วนผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ  1 – 2   แก้ว   ปลาและสัตว์เล็กอื่นๆ ที่สามารถกินได้ทั้งกระดูกหรือเปลือก  เช่น ปลาซิว ปลาเกร็ดขาว ปลาไส้ตัน ปลาซาร์ดีนกระป๋อง กบ  เขียด  กุ้งฝอย  กุ้งแห้ง   ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์  เป็นแหล่งของแคลเซียม  เช่น เต้าหู้แข็ง  เต้าฮวย  (ไม่ใช่เต้าหู้หลอดไข่)    น้ำเต้าหู้มีปริมาณแคลเซียม     ไม่มากจึงไม่ใช่แหล่งแคลเซียมที่ดี  แต่น้ำเต้าหู้ก็มีสารอาหารอื่นที่มีประโยชน์  เช่น  โปรตีน   ผักใบเขียว                 ผักที่มีแคลเซียมสูง และร่างกายนำไปใช้ได้มาก เช่น  ผักกวางตุ้ง  ผักคะน้า   ผักบางชนิดแม้ว่าจะมีแคลเซียมสูง  แต่ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้น้อยเพราะมีปริมาณสาร ออกซาเลตสูง  เช่น ใบชะพลู  ผักโขม ปวยเล้ง    จึงควรกินในปริมาณที่พอควร   ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายต้องการจะเปลี่ยนแปลง ตามวัยและสภาวะต่างๆ  ของร่างกาย                   ทารก  เด็ก  และวัยรุ่น  เป็นช่วงที่มีการสร้างกระดูกมากที่สุด  ทำให้มวลกระดูกเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น  จึงเป็นช่วงสำคัญในการสะสมมวลกระดูกสำหรับการเจริญเติบโตและเพิ่มมวลกระดูกให้มีปริมาณสูงสุด                   วัยหนุ่มสาว  ในช่วงอายุ  19 -  30  ปี  ยังมีการสะสมมวลกระดูกอีกเล็กน้อยถึงจะมีปริมาณสูงสุด                   วัยผู้ใหญ่และวัยสูงอายุ  เป็นช่วงที่มีการดึงแคลเซียมออกจากกระดูกเพิ่มขึ้นทำให้มวลกระดูกลดลง  โดยเฉพาะผู้หญิงที่หมดประจำเดือนในช่วง  5  ปีแรก  มวลกระดูกจะลดลงอย่างรวดเร็ว                  หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมลูก  เนื่องจากในขณะตั้งครรภ์หรือให้นมลูก   ร่างกายมีการปรับตัวโดยการดูดซึมแคลเซียมที่ลำไส้เล็กเพิ่มขึ้น  และดึงแคลเซียมออกจากกระดูกน้อยลง  ดังนั้นในระยะตั้งครรภ์และให้นมลูกจึงต้องบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมเพิ่มขึ้นให้เพียงพอเพื่อการสร้างกระดูกของทารกในครรภ์  ซึ่งจะส่งผลให้มีพัฒนาการและการเจริญเติบโตที่ดี   การเจริญเติบโตที่ดี พัฒนาการและการเจริญเติบโตที่ดี   ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแคลเซียมที่มีอยู่ในท้องตลาดอีกมาก มายหลายรูปแบบนั้น  ร่างกายก็มีการดูดซึมแคลเซียมได้ ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบของเกลือแคลเซียม ความแตกต่างกันของเกลือแคลเซียม อยู่ปริมาณของแคลเซียม โดยแคลเซียมคาร์บอเนตจะให้ปริมาณแร่ธาตุ แคลเซียมประมาณร้อยละ 40 แคลเซียมกลูโคเนต จะให้ปริมาณแร่ธาตุ แคลเซียมประมาณ ร้อยละ 9 แคลเซียมซิเตรด  จะให้ปริมาณแร่ธาตุ แคลเซียม ประมาณร้อยละ 21 แคลเซียมฟอสเฟต จะให้ปริมาณแร่ธาตุ แคลเซียมประมาณร้อยละ 38 สุดท้ายนี้ร่างกายของเราจำเป็น ที่จะต้อง ได้รับปริมาณของแคลเซียมอย่างเหมาะสม การ บริโภค อาหารที่มี แคลเซียมสูงจึงเป็นสิ่งที่เราควรเริ่มปฎิบัติ เพื่อป้องกัน หรือชะลอ กระดูกให้มีความแข็งแรงอยู่เสมอ หาก ต้องการใช้ ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมก็ควรพิจารณารูปแบบที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีเพื่อให้ร่างกายได้รับปริมาณ แคลเซียมที่ควรได้รับใน แต่ละ วันด้วย และหาก มีข้อสงสัย ก็ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อน ใช้ผลิตภัณฑ์   ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำให้คนไทยบริโภค ใน  1  วัน  สำหรับกลุ่มอายุต่างๆ   กลุ่ม กลุ่มอายุ ปริมาณแคลเซียม  (มิลลิกรัม) ทารก 0 – 6  เดือน 210 7 – 12 เดือน 270 เด็ก 1 – 3 ปี 500 4 – 8  ปี 800 วัยรุ่น 9 – 8  ปี 1,000 ผู้ใหญ่ 19 – 50  ปี 800   >  50  ปี 1,000 หญิงตั้งครรภ์ 19 – 50 ปี 800 หญิงให้นมลูก 19 – 50 ปี 800   วีธีรับประทาน : รับประทานครั้งละ 2-3 แคปซูล ก่อนนอน มีเครื่องหมาย อย. รับรอง หมายเลข70-1-04151-1-0004 ***คำเตือน ระวังสินค้าลอกเลียนแบบ ของปลอม ที่นำมาขายในราคาถูกเกินกว่าราคาจริงที่ทางบริษัทตั้งราคาไว้  อาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพของท่านได้     สินค้าของเราส่งตรงออกจากบริษัทมีใบเสร็จรับเงินอย่างถูกต้อง   สามารถสั่งซื้อทางโทรศัพท์  หรือทางWebsite และจัดส่งให้ทางไปรษณีย์ได้ค่ะ   สามารถติดต่อสอบถามได้ โทรศัพท์ด้านล่างและมีบริการให้คำปรึกษาสุขภาพ   ติดต่อคุณศิริกุล  โทร. 089-799-5642, 089-172-9933