พระปทุมมาศ เนื้อผงพุทธคุณ หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่

พระครูสุวรรณศาสนคุณ หรือ หลวงปู่นาม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังวัดน้อยชมภู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ปัจจุบันสิริอายุ 88 ปี พรรษา 67 ด้วยท่านเป็นพระที่มากเมตตา ชาวสุพรรณฯ จึงให้ความเคารพศรัทธาอย่างมาก "หลวงปู่นาม" สืบสายพุทธาคมสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ และจากหลวงปู่สืบ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย, หลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว, หลวงพ่อขำ, หลวงพ่อเหมือน, หลวงพ่อจ่าง, หลวงพ่อคง อมตปรมาจารย์วัดน้อยและวัด ชมภู่ ครั้งหนึ่งหลวงปู่นามท่านเคยนำพระงบน้ำอ้อยใส่รถไปให้หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย ปลุกเสกให้ พอเปิดกล่องท่านบอกว่า "เสกไม่เข้าแล้ว ท่านเสกจนจะแน่นแล้ว" ตอกย้ำคำพูดของหลวงพ่อดี วัดพระรูป ที่หยิบพระงบน้ำอ้อยกำพระไว้ยกมือจบยกแล้วบอกว่า "เสกจนหมุนได้แล้วนี่ จะให้ผมทำอะไรอีก" ชาวสุพรรณบุรีรู้ดีว่าหลวงปู่นามเป็นยอดพระเกจิอาจารย์ที่เก่งจริงๆ ท่านสืบพุทธาคมสายลุ่มแม่น้ำท่าจีน และสายสุพรรณมาอย่างครบถ้วน ท่านบวชกับพระเมธีธรรมสาร วัดบ้านกร่าง รูปนี้เป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ ท่านบวชและได้รับถ่ายทอดวิชาสายนี้มาครบถ้วน ในพรรษาที่ 4 หลวงปู่นามมาอยู่วัดน้อยชมภู่ เรียนวิชากับหลวงปู่ขำ ซึ่งเป็นตอนบั้นปลายชีวิตแล้ว หลวงปู่ขำท่านเป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อเฒ่า วัดค้างคาว กับหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขาโน้น และต่อมาก็มาอยู่กับหลวงปู่เหมือน ซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่อเนียม แห่งวัดน้อย และหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว โดยเฉพาะหลวงปู่เหมือนนั้นอยู่กับหลวงปู่นามมาร่วม 50 ปี ท่านเป็นพระอภิญญา ว่ากันว่าสมัยนั้นท่านเสกต่อให้เต็มวัดเพื่อไล่ขโมยก็ได้ เสกข้าวให้ออกรวงทั่ววัดเพื่อเลี้ยงพระทั้งวัดก็ได้ เสกใบมะขามเป็นฝูงผึ้งไล่ลิงที่เมื่อก่อนมีอยู่เต็มวัดก็ทำมาแล้ว หลวงปู่นามจึงได้วิชาในสายนี้มาอย่างเอกอุ พุทธาคมแน่น ตอนที่หลวงพ่อฉาบ วัดคลองจันทร์ ยังมีชีวิตอยู่ คนมาขอพระท่านยังบอกว่า "ที่สุพรรณหมดหลวงพ่อมุ่ยต้องไปหา อาจารย์นาม วัดน้อยฯ โน่น เขาเก็บไว้หมด" ตอนหลวงปู่นามหนุ่มๆ ท่านยังไปเรียนพระปริยัติที่วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ ได้ทั้งความรู้ได้ทั้งวิชาต่อยอดในสายสมเด็จโต พระพุทธบาทปิลันท์ มาเต็มองค์ ตอนไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ ท่านบอกว่า "ท่านนามเอ๋ย ถ้าเราทำจริงเสกจริงๆ มันขลังแน่ และขลังอยู่ไปเป็นร้อยๆ ปี ถึงรุ่นลูกหลานเหลนเขาได้จริงๆ" หลวงปู่นามตอบว่า "ฉันกับหลวงพี่มุ่ยเห็นตรงกัน ฉันต้องทำเองและเสกเองให้ขลังนั่นแหละจึงเอาออกได้ ถ้าให้คนอื่นทำจะออกจำหน่ายท่าเดียว ไม่ดูดำดูดีเลยว่าใช้ได้มั้ย" หลวงปู่นามเคยเจิมหน้ารถด้วยดินสอพอง รถวิ่งจากสุพรรณบุรีไปกรุงเทพฯ เจอพายุฝนต้องเปิดที่ปัดน้ำฝนเบอร์ 3 แต่ถึงจุดหมายรอยเจิมแป้งยังอยู่ครบ ไม่หาย เรื่องจริงสอบถามที่ศิษย์บอกต่อด้วยความทึ่ง หลวงปู่นามท่านบอกว่า "ฉันลงนะปัดตลอดไว้" ขณะนี้หลวงปู่นามกำลังซ่อมหลังคาพระวิหารใช้งบตั้ง 2 ล้าน สาธุชนอยากร่วมบุญกับท่านไปที่วัดได้โดยตรง ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้สมนาคุณเป็น "พระปทุมมาศ" สร้างย้อนตำนานของเก่าดั้งเดิม ซึ่งเป็นพระในฝันหายากที่สุดแห่งเมืองสุพรรณ เป็นพระในกรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ แตกกรุ พร้อมพระผงสุพรรณ ที่ปัจจุบันสนนราคาเล่นหาหลักล้านแซงหน้าพระมเหศวรซะอีก "อ.มนัส โอภากุล" ปรมาจารย์พระเครื่องพระบูชาเมืองสุพรรณ เขียนไว้ในหนังสือ "พระฯ เมืองสุพรรณ" ว่า พระปทุมมาศเป็นการตั้งชื่อได้เหมาะสมมาก ปทุมแปลว่าดอกบัว มาศ แปลว่าทอง ปทุมมาศจึงมีความหมายถึงดอกบัวทอง เป็นดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำ มีองค์พระประทับอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว แสดงถึงความเจริญงอกงาม ออกดอกออกผล สำเร็จสมหวังทุกอย่าง "พระปทุมมาศ" รุ่นเก่าหายาก หลวงปู่นามจึงสร้างรุ่นนี้ขึ้น เป็นครั้งแรกของเมืองสุพรรณบุรีที่มีการสร้างขึ้น เป็นพระปทุมมาศครั้งที่ 2 นับแต่แตกกรุครั้งแรก พระปทุมมาศนี้ หลวงปู่นามบอกว่า "ขลังมาก พุทธคุณเน้นในทางเจริญงอกงามแรงที่สุด" ตอนหล่อเนื้อชินลูกศิษย์มีชิ้นพระปทุมมาศชำรุดไม่ถึงครึ่งองค์หล่อไปด้วย ผสมกับพระชินกรุสุพรรณเก่าๆ ที่ไม่สวยอีกมาก เนื้อผงใช้ผงพุทธคุณเก่าที่สะสมมากว่า 50 ปีนำมาสร้าง คนรุ่นเก่าเล่าให้ฟังว่า หาพระมเหศวรหลายสิบองค์ยังหาง่ายกว่าหาพระผงสุพรรณสักองค์ แต่หาพระปทุมมาศสักองค์ให้หาพระผงสุพรรณสักยี่สิบองค์ดีกว่า แสดงว่าพระปทุมมาศนั้นหาดูกันยากมาก